ลองเอา โทรศัพท์ มาวัดเสียงชุดโฮมกันไหม ?

สวัสดีครับ ตามสัญญาครับ…. วันนี้เราจะเอา iPhone หรือสารพัด ios มาวัดเสียง setup ชุดโฮมเธียร์เตอร์ ของเรากันครับ

ฮั่นแน่ …..ท่านเทพทั้งหลายอย่าพึ่งโวยวายนะครับ ว่าค่ามันเชื่อถือไม่ได้ เพี้ยนเยอะ ฯลฯ

ข้าน้อยเข้าใจ และเป็นอย่างนั้นจริงครับ  แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากจะลองมาปรับชุดของตัวเองดูโดยยังไม่มีเครื่องวัด SPL (ซึ่งราคาก็พอสมควรนะ) ลองอ่านดูบทความนี้ อาจจะอมยิ้มก็ได้ โดยเราจะทำกันแบบย้อนรอย  ภาษาประกิดเรียก reverse engineer ครับ วิศวกรรมย้อนรอย ว่าไปนั่นเลย อิ อิ…

ว่าแล้วก็ไปหยิบเครื่อง i…. ท่านมาได้เลยแล้วมาเริ่มพร้อม ๆกันเลยครับ
ลำดับแรกไปที่ appstore หาของฟรีกันก่อนครับ

ชื่อ apps คือ dB Volume ครับ กด โหลดไปเลยอย่าได้รอช้า

หลังจากได้มาแล้วเปิดเลยครับให้ไว หน้าตาจะเป็นอย่างนี้ครับ

เลือกเป็น (C) Weight และ Slow response ก่อนครับ (หากสงสัยข้อแตกต่าง ระหว่าง dB(A) dB(C) กลับไปอ่านบทความก่อนหน้า เรื่อง ปรับเสียงชุดลำโพง Home Theater ฉบับจับมือทำ ก่อนนะครับ พูดไว้เยอะแล้ว

เสร็จแล้วก็เริ่มกันเลยครับ โดยใช้ขั้นตอนเดียวกันกับ บทความที่แล้วจากลิ้งค์ข้างบนอ่ะแหละ ไม่มีผิดเพี้ยน (ขี้เกียจพิมพ์) อุ อุ…

ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ไอ้ apps นี้ค่าที่วัดได้มันน่าเชื่อถือได้แค่ไหนกันนะ ?

อันที่จริง apps สำหรับวัดเสียงมีเยอะ ถึง เยอะมาก ๆๆๆ ผมลองเล่นดูหลายตัวแล้ว บางตัวก็มีค่าให้ปรับเรื่อง การ calibrate ของการวัดตามเครื่องท่าน ๆ กันด้วยครับ สำหรับตัวที่ผมแนะนำนี้ ถึงจะไม่มี function ให้ Calibrate แต่ค่าที่ได้มาผมว่าพอรับได้นะครับ

ถึงแม้ว่าจะมีค่าให้ calibrate กับเครื่อง SPL จริง ๆ  แต่ปัญหาที่ตามต่อมาคือ “ผมไม่มีเครื่อง SPL อ้างอิง เว้ย…เฮ้ย” ก็แหงล่ะครับ หากท่านมีเครื่องวัดที่อ้างอิงได้เล้วจะมาทำอีกทำไม

เอาไงดี ?

ผมลองเทียบกับเครื่องวัด spl จริง ๆ มาให้กันแล้วครับ โดยอุปกรณ์ที่ผมใช้วัดในคราวนี้คือ The new iPad นะครับ ค่าที่แตกต่างจากเครื่อง spl จริง ๆ ที่ผมปรับตั้งไว้แล้วที่ 75 dB(C) คือประมาณ +3dB ตามรูปที่ Capture ตอนวัดจริงมาให้ดูครับ

ค่าจาก apps ที่วัดได้จริง เทียบกับค่าอ้างอิงที่ 75 dB(C)

อืม คลาดเคลื่อนพอสมควร และยังจะแตกต่างได้อีกจากเครื่อง hardware ของท่านที่แตกต่่างกันออกไป ผมลองเสนอหลักการแบบ reverse แบบคิดย้อนรอยครับ

เริ่มต้น

หาหนังอ้างอิงมาซักตอนนึงครับ และเปิดดูตามปรกติที่ท่านชมเลยโดยเปิด volume ให้ดังที่สุดที่ท่านสามารถชมมันได้ (ไม่ใช่ดังมากจนเกินที่ท่านจะใช้งานนะครับ) จำ หรือ ล้อคตำแหน่ง volume เครื่องท่านไว้ ห้ามแตะต้อง volume อีกหลังจากตอนนี้ไปนะจ้ะ พ่อรูปหล่อ …

เสร็จแล้ว…… เข้า เมนู set up ชุด a/v ของท่าน โดย   Remote เปิด  test tone
เริ่มจากลำโพงซ้ายสุดตัวแรกครับ. อ่านค่าระดับเสียงจากเครื่อง i…. ของท่าน จำไว้ซะ. ยกตัวอย่างเช่นได้ค่า 81 dB

เสร็จแล้ว ก็ เลื่อนไปลำโพง ขวา แล้วก็ปรับระดับของลำโพงจากเครื่อง av ของท่านจนได้ระดับความดังเท่ากับ ตัวอ้างอิง ในที่นี้คือตัวแรกไงครับ คือ 81 dB

ทำที่เหลือจนครบ 5 หรือ 7 channal

ไปจนถึง sub woofer อาจบวกความดังไปอีก  5 – 6 dB ก็ได้ หากเสียงต่ำมากเกินไปค่อยมาลดเอาเฉพาะ sub อย่างเดียว

เสร็จแล้วครับ ท่านจะได้ระดับเสียงทีี่ควรจะเป็นแล้ว หากปรับ ลด หรือ เพิ่ม volume ตอนดูหนังก็เสียงก็จะเป็นในทางเดียวกันทั้งระบบเลยครับ

ฮ่า ฮ่า เป็นไงครับสำหรับบทความตอนนี้ ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับการดูหนัง ฟังเพลงนะครับ
แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า
facebook ของผมเงียบจังเลย หากชอบใจ blog นี้ก็ให้กำลังใจกันได้นะครับ กด Like และแวะมาคุยกันนะครับ

Spybug

25 comments on “ลองเอา โทรศัพท์ มาวัดเสียงชุดโฮมกันไหม ?

  1. ขอถามเพิ่มครับว่า ระยะห่างที่เหมาะสมในการเอา I… เข้าไปวัดค่ากับลำโพงแต่ละตำแหน่งนั้น ควรมีระยะห่างเท่าไรดีครับ เช่น เอาไปจ่อกับลำโพงเลย หรือ ควรจะห่างซักเท่าไรจึงจะได้ค่าที่มีมาตราฐานที่สุดครับ

    • ตำแหน่งคือ จุดที่ท่านนั่งชมยึดแค่จุดเดียว ใช้ในการปรับทุกค่าลำโพงครับ
      อ่านเพิ่มได้เรื่อง การปรับเสียงชุดลำโพง home theater ฉบับจับมือทำ ด้านล่างในหน้าบทความรวมครับ

      Spybug

      • อ๋อ คือจุด Sweet Spot นี่เองครับ
        บทความดีมากเลยครับ เอาของใก้ลตัวมาใช้ประโยชน์
        เด๋วตอนเย็นผมกลับไปจะรีบกลับไปลองเลย ได้ผลยังไงมาเล่าสู่กันฟังอีกทีครับ
        ขอบคุณมากครับ

  2. ก่อนเริ่มงานวันจันทร์ ต้องแวะมาส่งการบ้านอาจารย์ตามสัญญาครับ
    ก่อนการทดสอบ ผมก็ใช้รูปแบบการตั้งค่าเดิมๆของผมที่ใช้มาตลอดนั้น โดยอาศัยหูทองแดง
    เพื่อสังเกตความแตกต่าง ค่าเดิมของผมนั้น ค่าตัวเลขก็จะเท่าๆ กันในทุก Ch ค่าตามนี้ครับ

    ก่อนการทดสอบ (เน้นตั้งค่าแบบเลขสวย แหะๆ ไม่ได้อิงอะไรเลยครับ)
    FL + 1 db
    FR + 1 db
    CT + 1 db
    SW 0 db
    SL + 1 db
    SR + 1 db
    หลังการทดสอบผลที่ได้ (ของผมอ้างอิง App ที่ 65 db +- 2 @ Vol 15 ครับ)
    FL + 1 db
    FR + 2 db
    CT – 1 db
    SW – 4 db
    SL + 2 db
    SR + 3 db

    หลังทำการปรับค่าตามที่อาจารย์แนะนำนะครับ คือให้ทุกๆ Ch ดังในระดับที่ db เท่ากัน
    ผลปรากฏว่าทำให้เสียงโดยภาพรวมดีขึ้นครับ การโยนเสียงไปมาแต่ละ Ch ทำได้ดีขึ้น
    รอยต่อของเสียงลดลง ฟังแล้วกลมกลืนกันดีมากเลยครับ เสียงไม่ตีกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ
    ตอนแรกผมจะซื้อ HTIB ชุดใหม่แล้วครับ เจอบทความอาจารย์เข้าไป ผมก็ลองทำตาม
    ผลปรากฏว่า อ้าวเสียงดีขึ้นจริงๆ ช่วยยืดระยะเวลาการจ่ายเงินค่าระบบใหม่ออกไปได้อีกครับ แหะๆ ผมคิดในใจก่อนหน้านั้นที่ฟังมามันอะไรกันเนี่ยตกลง มิน่าทำไมเสียงแปลกๆ ตีกันมั่วเลย

    แต่ผมสงสัยว่าทำไมตัวลำโพงของผมมันดังไม่เท่ากัน มันผิดปกติมั๊ยครับ
    ที่ตำแหน่ง FR , SR น่ะครับ พอลองเทสโทนด้วย Pink Noise ปรากฏว่ามันดังเบากว่าฝั่งด้านซ้ายจริงๆครับ เลยต้องบวกมากกว่าฝั่งซ้ายไปอีกอย่างละ 1 เพื่อให้ได้ระดับ db ที่เท่ากันทุกช่องเสียง เลยทำให้ค่ามันดูแปลกๆไป แต่พอปรับตามให้ระดับ db เท่ากันเสียงมันโอบล้อม
    ดีกว่าการตั้งให้ ซ้าย = ขวา น่ะครับ
    เลยสงสัยว่า ลำโพงผมจะพังแล้วหรือยังไงครับ หรือหูคนเรามันทำงานไม่เหมือนกันเพราะผมเห็นพวกหูฟังจะมีแยกเสียง R ,L ไม่รู้เกี่ยวกันป่าวครับ

    รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

    • อูย……. อย่าเรียกผมอาจารย์เลยครับ ผมยังห่างชั้นอีกเยอะ แค่พอมีความรู้อยู่บ้างนิด นิด หน่อย หน่อย..เท่านั้นเอง อิ อิ
      เข้าเรื่องเลยดีกว่า ลำโพงแต่ละจุดเมื่อวางในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว หากเราปรับตัวเลขในเครื่อง av ถึงแม้จะปรับให้ดังเท่ากัน (ตัวเลขเท่ากันจาก av) ระดับเสียงที่เราได้ยินจริง ๆ ก็ไม่เท่ากันอยู่ดี จากการเดินทางของเสียงผ่านสื่อหลาย ๆ อย่างกว่าจะมาถึงหูเรา แล้วสภาพห้องของแต่ละคนก็ยังไม่เหมือนกันอีก. ดังนั้นหากเราแค่ปรับตัวเลขระดับความดังให้เท่ากันอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ(ผิด) เสียงมันก็จะมั่ว ๆ แหละครับ ไม่ไดยินอย่างที่ studio ของหนังตั้งใจอัดมาให้. สำหรับ case ของท่านหากปรับแล้ว โดยอ้างอิงที่จุดนั่งฟังเพียงจุดเดียว และปรับ + – ระดับความดังโดยวัดอ้างอิงจาก iphone ยังไงก็ยังดีกว่าใช้หูเราเอง แน่นอนครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลครับ ท่าน มาถูกทางแล้ว. (พูดเหมือนรัฐบาลเลย 55).
      ยังไงก็ขอให้มีความสุขต่อการดูหนังนะครับ. มีอะไรแวะมาคุยกันได้ตลอดครับ

      Spybug

  3. ผมใช้ ipad2 โหลดและวัดความดังที่ 79 db ที่volume -18 ของ Yamaha 767 +
    Bose AM10 seriesIV สำหรับลำโพงทุกตัว ยกเว้นSub W. ที่ปรับความดังไปแค่ 59db
    โดยตัวเลขอยู่ที่ +2.5 (Sub ของBose Am10 เป็นแบบ active มี ปุ่มBass volume ปรับ
    กึ่งกลางและ ปุ่ม LEF ปรับสูงสุด) กลัว Sub พังครับ?
    ส่วนFL&FR +1.5, C +1 และ LR&RR +4.5 ครับ
    ขอถามว่าผมปรับตั้งถูกหรือเปล่าครับ ช่วยให้คำแนะนำด้วยครับ

    • สรุปว่าหลังจากที่ใช้เครื่อง ipad set ที่ระดับความดัง 79ทุก ๆ ลำโพงแล้ว (ยกเว้นซับ)เครื่อง av ท่านจะเปิดที่ระดับ volume -18 เป็นระดับความดังที่เปิดดูตามปรกติแล้วใช่ไหมครับ หรือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างดัง ?
      ขอถามตรงนี้ก่อนครับ เดี๋ยวมาว่าเรื่องซับกันอีกทีนึง

      Spybug

      • ปกติเปิด volume ประมาณ -18 ถึง -24 แล้วแต่หนัง ส่วนใหญ่เน้น action และ animation ครับ

    • อืม.. ก็น่าจะ ok ครับ หลังจากปรับแล้วเสียงมันโยนสอดคล้องกันดีขึ้นไหมครับ. ของผมเองใช้ yam 665 แต่ผมปรับโดยใช้เครื่อง spl และอ้างอิงที่ ระดับ avr = 0 ที่ระดับ 75 dB เวลาใช้งานจริง ๆ จะเปิดอยู่ที่ปีะมาณ -10 ถึง -15 ก็สนั่นแล้ว

      มาว่ากันต่อเรื่อง sub woofer หากท่านหมุนปุ่ม lfe ไปจนสุดผม้ข้าใจว่าเป็นการ bypass จุดตัดความถี่ไปตามที่ตั้งไว้ใน avr ครับ ลองิช็คดูใน avr ด้วยก็ดีว่าตั้งจุดตัด sub ไว้ที่เท่าใด ลองไล่ดูตั้งแต่ 80 ไปจนถึง 120 hz แล้วลองฟังดูว้าชอบแบบไหน

      โดยทั่วไปหากตัดจุดไว้ที่ตัวเลขน้อย ๆ เช่น 80 นั่นคือลักษณะเสียง sub จะออกแบบลึก ๆ จุกอก. แต่หากจุดตัด สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่น 120 เสียงจะออกแผ่ ๆ กว้าง ๆ แล้วแต่ชอบครับ หากปรับจุดตัดได้พอใจแล้ว ยังสามารถมาปรับระดับความดังของ sub ได้อีก (bass volume)นะครับโดยทั่วไปสามารถปรับได้ทั้งที่ avr แบบที่ท่านทำ หรือ ปรับที ตัวซับเองก็ได้ ลองดูครับ โดยหลักการที่ว่าหลังปรับระดับความดัง sub แล้ว อย่าให้เสียงต่ำจากsub woofer มากลบเสียงอื่นซะหมดเท่านั้นเอง โดยเราน่าจะปรับให้เสียงต่ำจาก ซับ วูฟเฟอร์ เป็นตัวเสริมเสียงอื่นเท่านั้นครับ โดยถ้าเป็นผมจะมีวิธีสังเกตุ 2 อย่าง

      1. เวลาดูหนังแล้วมีเสียงต่ำเยอะ ๆ เราไม่ควรฟังออกว่าเสียงต่ำมาจากทิศทางไหน
      2. ลองกาฉากที่มีเสียงต่ำเยอะ ๆ เช่น tron แล้วลองเบาเสียงที่ volume ทั้งหมดดูว่ายังมีเสียงต่ำนำอยู่หรือเปล่า หากมีก็ลด volume ที่ sub เอา

      ลองดูก่อนครับ ขอให้มีความสุขกับการดูหนังนะครับ มีอะไรเพิ่มเติมมา คุยกันต่อไเ้ครับ อิ อิ
      Spybug

  4. ถามเรื่องปรับ level ผมปรับ volume หลักไว้สัก-25 ได้ป่าวครับพอดีปรับไว้ที่ 0 มันดังเกินนะครับแต่ตอนเพิ่ม level ถ้าจะให้ได้ 75 db เล่นซะ +8 เลยครับ

    • หากจะใช้โทรศัพท์ + app วัดแล้ว เปิด volume จาก avr ให้ดังกว่าปรกติที่ท่านใช้สักเล็กน้อยครับ เสร็จแล้วไม่ต้องยุงกับ volume นี้แล้ว เช่นปรกติ เปิด -25 อาจตั้งไว้ซัก -20 ก็ได้ เสร็จแล้ว เข้าไปเปิด testtone ออกลำโพงเลย เช่น เริ่มหน้าขวา วัดความดังได้ 70 db จำไว้ เสร็จแล้ว ไล่เปิดเช็คที่เหลือ เข่นหน้าซ้าย ปรับ level ของลำโพงตัวนั้นจนตัวเลขเท่ากับตัวเลขที่วัดได้ ในที่นี้คือ 70 db (ปรับ level ของลำโพงนะครับ ไม่ใช่ volume รวมที่ตั้งไว้ -20) ไล่ทำจนครบทั้งหมด
      เสร็จแล้วครับ ง่าย ๆ
      ลองเปิดดูอีกครั้งที่รัดับความดังที่ท่านดูปรกติแหละ การปรับแบบนี้จะทำให้ระดับเสียงที่ควรจะออกแต่ละลำโพงมีความดังเท่ากันไงครับ จะเพิ่ม หรือ ลด ตามใจ. มันจะสอดคล้องกันหมดทั้ง 5 ตัวเลย
      Spybug

  5. ผมใช้โทรศัพท์วัด ต้องวัดจากจุดนั่งฟังหรือที่หน้าลำโพงครับ เนื่องจากห้องผมไม่ใช่ห้องฟังโดยเฉพาะทำให้ค่า db ไมนิ่งเท่าที่ควรเลยมีปัญหาในการปรับ level พอสมควร

    • ตั้งเครื่องวัดที่จุดนั่งฟังครับ ต้องหาเวลาช่วงที่เงียบ ๆ หน่อยทำ หรือหากไม่ซีเรียสมาก เปิด volume อ้างอิงให้ดังกว่าเสียงรอบข้างไปเลยก็ได้

  6. ส่งงานครับ
    ก่อนทดสอบ L 0 db, R 0 db, C +1 db, SR +1db,SL+1 db SW 0 db

    หลังการทดสอบ app 70 db volume -20 avr yamaha
    ได้ค่าดังนี้ครับ L +3 db , R +3 db , C 0 db , SR +3 , SL +4 ส่วน SW ผมตั้งไว้ที่ 0 เพราะผมไม่แน่ใจว่าถ้าจะให้ได้ 70 db เท่า ผมต้อง + ซัพที่ +5 เลยที่เดียวผมเลยตั้งไว้แค่ 0 แล้วค่อยปรับ volume sub เอา จุดตัดซัพตั้งไว้ ที่ 80 Hz จากการทดสอบ เปิดคอนเสิร์ตเสียงต่างเดิมพอควรแต่รู้สึกเสียงจะบางไปนิดไม่ค่อยกลมกลื่นกับซัพซักเท่าไหร่(หรืออาจเป็นเพราะสายลำโพงที่ผมพึ่งเปลี่ยน ยังไม่ได้เบิร์นเลย) แต่พอเปิดหนัง โอ้ต้องยอมรับจริงๆว่าตั้งแต่ตั้งตามที่ท่านบอกมาต่างจากเดิมมากอย่างเห็นได้ชัดจนรู้สึกได้สวรรค์อยู่นี่เองการโยนเสียงทำได้สอดคล้องกันดีดูหนังมันจริงๆอันนี้ต้องขอบคุณมากๆหลังจากนี้ต้องปรับปรุงอะไรเพิ่มก้ขอคำชี้แนะด้วยครับ

    • ปรับความดังได้แล้ว ลองปรับ distance ดูอีกทีครับ สุดยอดกว่าเดิมแน่นอน การปรับผมตอบ comment ใน facebook ไปเยอะแล้วลองอ่านดูครับ

      ขอให้สนุกกับการดูหนังฟังเพลงครับ

  7. ครับผมโหลดแผ่นทดสอบไปใช้ดูผมปรับความดังของลำโพงแต่ละข้างเป็น0แล้ววัดเสียงด้วยมือถือได้ค่าแต่ละข้างลำโพงบวกลบแตกต่างกันมากบางตัวติดลบสุดขั้นตอนนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ

    • ถ้าเปิด volume ค้างไว้ที่ 0 แล้วใช้มือถือวัด (วางไว้ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา) หากตัวเลขที่วัดได้จากโทรศัพท์ไม่เท่ากัน เช่น 75 อีกตัวเป็น 82 ก็ให้ ปรับลด level (ไม่ใช่ master volume) ลำโพงตัวที่ 82 ลดไปเรื่อย ๆ จนได้ 75 ทำเหมือนกันหมดทั้งลำโพง 5 ตัว ครับ
      spybug

  8. ถามอีกนิดนึงครับ ถ้าใช้มือถือ ต้องหันตัวไมค์(ในที่นี้คือตูดมือถือ) ไปทางลำโพงตลอดทุกตัวใช่มั้ยครับ ยกตัวอย่างเช่นลำโพงหลัง ผมต้องหมุนตูดมือถือกลับไป 180 องศาเลยรึเปล่าครับ โดยที่ตำแหน่งมือถืออยู่ที่เดิมอ่ะครับ

    กลัว อาจารย์งง คือสรุป ผมวางมือถือทิ้งไว้แล้วเช็คให้ครบทุกตัวเลย รึว่าต้องหันตูดมือถือไปหาลำโพงแต่ละตัวแต่ละรอบอ่ะครับ

    • วางมือถือไว้ที่เดียว หันด้านไมค์เข้าหาหูเรา หาอะไรมาหนุนรองมือถือให้ใกล้ ๆ ระดับหูที่เรานั่งฟังแหละครับ

ใส่ความเห็น